ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

16 มิถุนายน 2022 - Story

พบกับนักกิจกรรมรุ่นเยาว์ที่ชูธงสีรุ้งเพื่อสนับสนุนเด็ก ๆ

มูลนิธิช่วยเหลือเด็ก เชื่อว่าเป็นพื้นฐานที่สิทธิมนุษยชนของเด็ก LGBTIQ+ จะได้รับการคุ้มครองและส่งเสริม

ในประเทศไทย โครงการ Highlighting Equality and Respect Towards all SOGIESC (HEARTS) มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กและเยาวชน โดยไม่คำนึงถึงเพศวิถี อัตลักษณ์ทางเพศ การแสดงออก และลักษณะทางเพศ (SOGIESC) สามารถดำเนินชีวิตโดยปราศจากความกลัวและการเลือกปฏิบัติ

เพื่อสร้างความตระหนักในชุมชนท้องถิ่นเกี่ยวกับประเด็น SOGIESC และ LGBTIQ+ มูลนิธิช่วยเหลือเด็ก (ประเทศไทย) สนับสนุนนักรณรงค์เด็กและกลุ่มเยาวชนโดยมอบกองทุนและเงินให้เปล่า (seed grant) เพื่อดำเนินโครงการหรือการรณรงค์ในชุมชนที่ส่งเสริมสิทธิเด็ก LGBTIQ+

มาทำความรู้จักกับแสงส่า และนักรณรงค์รุ่นเยาว์คนอื่นๆ ในเอเชียกันดีกว่า

 

แสงส่า  อายุ 18  ระเทศไทย

การคุ้มครองเป็นสิทธิมนุษยชนที่ทุกคนที่เกิดมาต้องได้รับ แต่ทำไมเด็กและเยาวชน LGBTQ+ จำนวนมากจึงต้องต่อสู้เพื่อสิ่งนี้”

แสงส่า อายุ 19 ปี เป็นนักรณรงค์ร่วมกับมูลนิธิรักษ์เด็กในประเทศไทย โดยมอบเงินช่วยเหลือเพื่อช่วยเหลือเธอในการรณรงค์เพื่อปลุกจิตสำนึกเกี่ยวกับสิทธิของเด็ก LGBTIQ+ ในชุมชน

ครอบครัวและชุมชนส่วนใหญ่ไม่เปิดรับแนวคิดเรื่อง LGBTQ+ เพราะยังคงเชื่อใน เพศสภาพที่อยู่ในกรอบทางเพศระหว่างความเป็นชาย และหญิง – เฉพาะชายและหญิง – และไม่ยอมรับสิ่งอื่นใดนอกเหนือจากสองเพศนี้ เด็กและเยาวชนจำนวนมากไม่สามารถแสดงออกได้ไม่ว่าจะด้วยเสื้อผ้าหรือบุคลิกภาพ การอยู่ภายใต้แรงกดดันนั้นทำให้เกิดความหดหู่” แสงส่ากล่าว

ฉันดีใจมากที่ได้ต่อสู้กับเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะฉันเป็นคนไร้สัญชาติด้วย - บางครั้งฉันต้องเผชิญกับความไม่รู้และการเลือกปฏิบัติเพราะผู้คนไม่เชื่อในตัวตนของฉัน หลายครั้งที่สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันผิดหวัง แต่ฉันไม่เคยเลิกพูดเพื่อสิทธิของเรา”

แสงส่าอยากเห็นอนาคตที่มีกลุ่ม LGBTQ+ ในหมู่ผู้นำประเทศของเธอ

ฉันเชื่อว่าการเป็นตัวแทนของ LGBTIQ+ ในหมู่ผู้มีอำนาจตัดสินใจเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะผู้นำเหล่านั้นสามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในนโยบายและกฎหมายที่ทำให้เราสามารถใช้สิทธิของเราได้อย่างแท้จริง เพราะเราทุกคนเท่าเทียมกัน”

 

แองเจิล อายุ 22 ปี ประเทศเนปาล

การสอนเด็กๆ ให้รู้ว่าการข่มเหงรังแก การล่วงละเมิด และการเลือกปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องที่จะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้”

เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แองเจิลสร้างประวัติศาสตร์เมื่อเธอกลายเป็นสาวข้ามเพศคนแรกในเนปาลที่เข้ารอบสุดท้ายในการประกวดนางงามจักรวาล แต่การบุกเบิกของเธอไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เธอรณรงค์เพื่อสิทธิ LGBTQ+ ตั้งแต่อายุ 16 ปี และด้วยการสนับสนุนจากมูลนิธิช่วยเหลือเด็ก เธอไปเยี่ยมโรงเรียนต่างๆเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับสิทธิของ LGBTQ+ และพูดต่อต้านการข่มเหงรังแกและการเลือกปฏิบัติ  

ฉันรณรงค์เพื่อสิทธิ LGBTQ+ เพราะตอนเด็กๆ ฉันเคยผ่านการข่มเหงรังแกและการเลือกปฏิบัติมามาก มันยากมากสำหรับฉันที่โตขึ้นและแสดงออกว่าเป็นคนข้ามเพศ เด็กๆใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่โรงเรียน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับฉันมากที่เราจะทำให้โรงเรียนเป็นที่ๆคน LGBTQ+ ถูกมองในแง่ดี การสอนเด็กๆ ให้รู้ว่าการข่มเหงรังแก การล่วงละเมิด และการเลือกปฏิบัตินั้นไม่ใช่เรื่องดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ฉันไม่ต้องการให้เด็กคนอื่นต้องพบกับสิ่งที่ฉันต้องเจอมาตลอดในการเติบโตของฉัน” แองเจิลกล่าว

เนปาลมักถูกกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ก้าวหน้าที่สุดในเอเชียเมื่อพูดถึงการตระหนักถึงสิทธิของ LGBTQ+ แต่แองเจิลบอกว่าหนทางยังอีกยาวไกล

ปัญหาหนึ่งที่เรามีคือลักษณะของ LGBTQ+ ถูกนำเสนอในในสื่ออย่างไร ในสื่อ คุณมักจะเห็นการใช้ถ้อยคำแสดงความเกลียดชังราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ เด็กโตขึ้นและเห็นคนกลุ่ม LGBTQ+ เป็นการ์ตูนหรือภาพล้อเลียนผู้หญิงที่เกินจริง ฉันต้องสอนพวกเขาว่าเราไม่ใช่ตัวการ์ตูนที่จะถูกหัวเราะเยาะ”

แต่แองเจิลก็หวังว่าสิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนไปในอนาคต

ฉันอยากจะบอกกับชาว LGBTQ+ ทุกคนว่าจงเป็นตัวของตัวเอง แล้วโลกจะตามทัน แม้จะใช้เวลา แต่เราก็จะไปถึงจุดหมายนั้น” 

 

บ๊วย อายุ15 ประเทศไทย

ฉันภูมิใจในสิ่งที่ทำลงไป การเป็นกระบอกเสียงให้กับเด็กและเยาวชนคนอื่นๆ ที่อาจเผชิญกับการเลือกปฏิบัติและความเกลียดชังเพียงเพราะพวกเขาเป็นใคร”

บ๊วยอายุ 15 ปี เป็นนักรณรงค์ร่วมกับมูลนิธิรักเด็กในประเทศไทย ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับสิทธิ LGBTIQ+ ในหมู่เด็กและเยาวชนที่อพยพและไร้สัญชาติที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมาร์

 “สิ่งที่เราทำคือช่วยปกป้องและเสริมสร้างสิทธิของเด็กและเยาวชน LGBTIQ+ ผ่านการทำงานร่วมกับครอบครัวและชุมชนท้องถิ่น ทั้งกับผู้ที่ยอมรับและผู้ที่ไม่ยอมรับ LGBTIQ+”

มูลนิธิช่วยเหลือเด็กสนับสนุนนักรณรงค์เช่นบ๊วย โดยมอบเงินช่วยเหลือเพื่อช่วยในการรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิทธิของเด็ก LGBTIQ+ ในชุมชน บ๊วยกล่าวว่ารู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ทำเพื่อเด็กชายขอบ

ฉันภูมิใจในสิ่งที่ทำลงไป การเป็นกระบอกเสียงให้กับเด็กและเยาวชนคนอื่นๆ ที่อาจเผชิญกับการเลือกปฏิบัติและความเกลียดชังเพียงเพราะพวกเขาเป็นใคร เด็กๆและเยาวชนจำนวนมากที่อยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลจากสมาชิกในครอบครัวและชุมชนที่ไม่ยอมรับ LGBTIQ+ ซึ่งทำให้บางคนประสบภาวะซึมเศร้าและปัญหาสุขภาพจิต”

 

ธาน คาน อายุ 22 ปี ประเทศเวียดนาม

เด็กๆ LGBTQ ไม่รู้สึกว่าสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ ซึ่งทำให้การใช้ชีวิตต้องยากลำบาก”

ด้วยการสนับสนุนจากมูลนิธิช่วยเหลือเด็ก ในเวียดนาม ธาน คาน  ดำเนินการรณรงค์ที่เรียกว่า 'Rainbow Schools' โดยการทำงานในโรงเรียนเพื่อฝึกอบรมนักเรียนและครูเกี่ยวกับวิธีการสนับสนุนเด็ก LGBTQ+ และจัดการกับการเลือกปฏิบัติ 

ขณะอยู่ในโรงเรียน ฉันมักถูกแกล้งเพราะตัวตนของฉัน เด็กไม่ควรต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติในช่วงที่พยายามเรียนรู้ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันต้องการให้มีการรณรงค์ในโรงเรียน” ธาน คาน กล่าว

ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง ฉันสามารถพูดคุยกับเด็กๆ และช่วยให้ทุกคนรู้สึกว่าสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ มีเด็กคนหนึ่งที่ฉันช่วยตอนอายุ 17 ปีและเพิ่งตรวจพบเชื้อเอชไอวีเด็กคนนั้นตกตะลึง และบอกกับฉันว่าเขาต้องการจบชีวิตลง และถามฉันว่าเขาควรจะทำอย่างไรโดยไม่เจ็บปวด เป็นสิ่งที่ยากมากเมื่อได้ยินเรื่องแบบนี้ ฉันได้พูดคุยกับเด็กๆเหล่านี้และช่วยให้พวกเขาสามารถผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ ต่อมาพวกเขาพูดกับฉันว่า 'เพราะคุณฉันจึงยังมีชีวิตอยู่' เป็นความรู้สึกที่ดีที่รู้ว่าฉันได้ช่วยพวกเขาไว้ได้”

ธาน คาน  กล่าวว่าเด็กจำนวนมากในเวียดนามไม่มีข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับปัญหา LGBTQ+

พวกเขายังคิดว่าการเป็นเกย์หมายถึงการแต่งตัวที่ไร้สาระ” เขากล่าว “มีการเหมารวมที่เป็นอันตรายมากมายเกี่ยวกับเพศและความหมายของการเป็นชายหรือหญิง ผู้คนคิดว่าผู้ชายต้องแข็งแกร่งและต้องแต่งตัวในรูปแบบที่แน่นอน”

ในอนาคต ฉันอยากเห็นเด็ก LGBTQ+ และคนหนุ่มสาวมีอิสระที่จะเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นโดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ” 

 

มีน อายุ 21 ปี ประเทศไทย

 

จุดเริ่มต้นที่ตัวของฉันเอง ตอนแรกฉันไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็น LGBTIQ+ แต่ยิ่งปฏิเสธว่าฉันเป็นใคร ก็ยิ่งไม่มีความสุขมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจย้ายออกจากพื้นที่ปลอดภัยและเริ่มทำเพจโซเชียลมีเดียของตัวเอง โดยแบ่งปันประสบการณ์ของตเองกับผู้ที่อาจประสบปัญหาคล้ายกัน แม้ว่าจะยังเป็นชุมชนเล็กๆ อยู่ แต่ฉันก็ดีใจที่ได้พูดคุยและเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง” 

มีนเป็นนักรณรงค์ที่รณรงค์ภายใต้ชื่อ 'มีน ข่าน' เพื่อส่งเสริมสิทธิ LGBTIQ+ ผ่านหน้าโซเชียลมีเดียของเธอ มูลนิธิช่วยเหลือเด็กสนับสนุนมีนและกลุ่มของเธอ "สาวบางโพ" โดยมอบเงินช่วยเหลือเพื่อช่วยให้พวกเธอสร้างความตระหนักเกี่ยวกับสิทธิของเด็ก LGBTIQ+ ในชุมชน

เด็ก LBGTIQ+ มีความสำคัญมาก เพราะพวกเขาจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับความหลากหลายและการเคารพตัวตน”

นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้เด็กและคนหนุ่มสาวเลิกซ่อนตัวและรู้สึกปลอดภัยที่จะออกมา ซึ่งในที่สุดแล้ว จะช่วยให้สังคมมีความเข้าใจและยอมรับคน LGBTIQ+ ได้ดีขึ้น” 

 

ดาด้า อายุ 21 ปี  ประเทศไทย

ในภาคใต้ของประเทศไทย ผู้คน LGBTIQ+ ต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติมากมาย ครอบครัวส่วนใหญ่ในภาคใต้ตอนล่างไม่ยอมรับเด็กที่เป็น LGBTIQ+ และเด็กจำนวนมากจำเป็นต้องปิดบังตัวเองไม่อาจแสดงออกว่าพวกเขาเป็นใคร สำหรับผู้ที่ทำสิ่งที่ตรงกันข้ามและแสดงออกอย่างอิสระ หลายคนเคยถูกคุกคามและถูกล่วงละเมิด เช่น โดนตัดผม หรือถูกขว้างก้อนหินใส่”

ดาด้า (เธอ) อายุ 21 ปี เป็นผู้รณรงค์กับ กลุ่ม LookSouth Peace องค์กรที่ส่งเสริมสิทธิ LGBTQ+ สำหรับเด็กในภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย มูลนิธิช่วยเหลือเด็กได้สนับสนุนนักรณรงค์เช่น ดาด้าและ กลุ่ม LookSouth Peace โดยมอบเงินช่วยเหลือเพื่อช่วยให้เด็กๆและเยาวชนสร้างความตระหนักเกี่ยวกับสิทธิของเด็ก LGBTIQ+ ในชุมชน 

กลุ่ม LookSouth Peace จัดทำวิดีโอเพื่อส่งเสริมบริการสนับสนุนสุขภาพจิตสำหรับเด็กและเยาวชน LGBTIQ+ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย วิดีโอดังกล่าวเข้าถึงบัญชีโซเชียลมีเดียกว่า 2,000 บัญชีและแชร์โดยกรมสุขภาพจิตในพื้นที่  

เส้นทางนี้ไม่ง่ายนักสำหรับเรา เมื่อเริ่มการรณรงค์ครั้งแรกๆ เรามักถูกคุกคามในรูปแบบต่างๆ มากมาย ทั้งทางวาจาและทางกาย ตัวอย่างเช่น รถยนต์ของเราถูกวางตะปูที่ยางรถยนต์ แม้ว่าบางครั้งการคุกคามจะทำให้เรากลัว แต่ฉันก็ไม่เคยท้อแท้กับสิ่งที่เราทำ ฉันดีใจที่เราสามารถผ่านมันไปได้ และพูดต่อไปว่าเราจะไม่ทนต่อความรุนแรงอีกต่อไป”

ฉันหวังว่าวันหนึ่งเด็กและเยาวชน LGBTIQ+ ทุกคนสามารถที่จะเป็นใครก็ได้ที่พวกเขาอยากเป็นโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเลือกปฏิบัติ ฉันหวังว่าพวกเขาจะสามารถทำงานใด ๆ ที่พวกเขาต้องการและประกอบอาชีพใด ๆ หรือแม้แต่มีครอบครัวที่มีความสุขในอนาคต”